Research & Report

สำรวจผลกระทบของ AI ต่ออุตสาหกรรมภาพยนตร์ : ในวันที่ฮอลลีวูดเสียงแตก

เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือ AI กลายเป็นคำที่เสียงแตกมากที่สุดในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในขณะนี้ แม้รูปแบบต่าง ๆ ของ AI จะมีมานานหลายทศวรรษ แต่สิ่งที่ทำให้สถานการณ์ในวันนี้ต่างออกไป คือความก้าวหน้าของ Generative AI ที่ทำให้คนทั่วไปสามารถสร้างภาพยนตร์หรือคลิปที่มีความสมจริงระดับมืออาชีพได้อย่างรวดเร็ว

จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2022 เมื่อ OpenAI เปิดตัว ChatGPT แชตบอทที่สามารถสร้างเรียงความที่สมบูรณ์ในหัวข้อต่าง ๆ ได้อย่างน่าทึ่ง หนึ่งปีถัดมาบนเวทีประชุมด้านคอมพิวเตอร์กราฟิก SIGGRAPH 2023 ที่ลอสเองเจลิส เจนเซน หวง (Jensen Huang) ผู้ก่อตั้งและ CEO แห่ง NVIDIA บริษัทผู้ผลิตชิปที่กลายเป็นกำลังสำคัญในวงการ AI ได้กล่าวว่า “เราทำให้วิทยาการคอมพิวเตอร์เข้าถึงได้สำหรับทุกคนแล้ว” คำกล่าวนี้สะท้อนถึงการเริ่มต้นความวิตกกังวลในหลายอาชีพ รวมถึงอุตสาหกรรมภาพยนตร์ที่กำลังเผชิญแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ โดยเฉพาะการที่ AI อาจเข้ามาแทนที่ตำแหน่งต่าง ๆ ในอุตสาหกรรม ตั้งแต่กระบวนการเตรียมการถ่ายทำ (Pre-production) การถ่ายทำ (Production) และกระบวนการหลังการถ่ายทำ (Post-production)

Pre-Production: เมื่อสตูดิโอเริ่มใช้ AI คัดเลือกบทแทนมนุษย์

ฮอลลีวูดมีบทภาพยนตร์จำนวนมหาศาลรอการคัดเลือก ซึ่งเดิมเป็นหน้าที่ของนักวิเคราะห์เรื่อง (Story Analyst) ที่เป็นเสมือนด่านแรกในการคัดบทภาพยนตร์ที่มีศักยภาพก่อนเข้าสู่การพัฒนาในขั้นต่อไป แต่เมื่อ AI ถูกนำมาใช้มากขึ้น ผู้สนับสนุนเชื่อว่า AI สามารถเข้ามาช่วยให้การคัดแยกบทรวดเร็วขึ้น และไร้อคติ

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บทภาพยนตร์หลายคนตั้งข้อกังวลถึงประเด็นนี้ เช่น การที่ โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) “ไม่สามารถรู้สึก” ได้เหมือนมนุษย์ ฮอลลี่ สคลาร์ (Holly Sklar) จาก Warner Bros. ระบุชัดเจนว่า “สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ฉันมองหาในตัวบทคือ ‘ฉันแคร์บทนี้ไหม? แต่ AI ไม่สามารถแคร์อะไรได้” 

Photo credit: https://unsplash.com/photos/a-group-of-white-robots-sitting-on-top-of-laptops-2iUrK025cec

นอกจากนี้ AI ยังผิดพลาดมากในบทที่ซับซ้อน แม้ทุกคนจะเข้าใจดีว่า AI จะเข้ามาหาพวกเราไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง 

“ไม่มีใครอยากตกงานหรอก เราไม่ได้เอาหัวฝังดินทำเป็นไม่เห็นมัน และเราไม่ได้รอให้ใครมาไล่เราออก ตอนนี้ผู้คนกำลังลุกขึ้นมาถามตัวเองว่า ‘ฉันจะอยู่ในเกมนี้ได้อย่างไร?’” อาเลเกร โรดริเกซ (Alegre Rodriquez) นักวิเคราะห์เรื่องอาวุโสจาก Universal Pictures กล่าว

การทดลองของ เจสัน ฮาลล็อค (Jason Hallock) นักวิเคราะห์เรื่องจาก Paramount พบว่า AI มักสรุปเรื่องผิดหรือเชื่อมโยงตัวละครผิดเมื่อเจอบทซับซ้อน จากการทดลองนำบทภาพยนตร์เก่าให้ AI ประมวลผลออกมาเป็นเรื่องย่อขนาดสั้น (Logline) และเรื่องย่อฉบับเต็ม (Synopsis) 

แม้ในวันนี้ผลลัพธ์ที่ได้จาก AI ยังไม่สมบูรณ์ แต่ก็ไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่าในอนาคตมันจะทำไม่ได้ กว่าจะไปถึงจุดนั้น นักวิเคราห์อาวุโสจาก Universal Pictures กล่าวว่า “มันก็ยังต้องใช้มนุษย์มาดูงานเหล่านั้นและตรวจสอบเนื้อหาอยู่ดี มันไม่ได้ช่วยประหยัดเวลามากอย่างที่หลายคนคิด คนที่พึ่งพามันมากเกินไป อาจพลาดสิ่งที่ยอดเยี่ยมไป แต่สตูดิโออาจถูกล่อลวงให้ยอมสละคุณภาพและความแม่นยำ เพื่อแลกกับความรวดเร็วและต้นทุนที่ลดลง”

Production: เมื่อมนุษย์หวังปั้น AI มาแทนที่นักแสดง

นักแสดงคือตัวละครหลักในขั้นตอนการถ่ายทำ เมื่อไม่กี่เดือนก่อน สตูดิโอ Particle6 ได้ภูมิใจนำเสนอ ‘ทิลลี่ นอร์วู้ด’  (Tilly Norwood) หญิงสาวผิวขาวผมดำขลับ เธอคือนักแสดงจาก AI คนแรกของสตูดิโอ ที่นำมาซึ่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์หนาหูจากวงการ โดยเฉพาะเมื่อโมเดลสร้างวิดีโอด้วย AI ที่ชื่อ Sora 2 โดย OpenAI ถูกปล่อยออกมาใกล้เคียงกัน 

นักแสดงจำนวนมากออกมาแสดงความกังวล เช่น ไบรอัน แครนสตัน (Bryan Cranston) และเอเจนต์ของเขาที่เห็นบทบาทของ ‘วอลเตอร์ ไวท์’ จากซีรี่ส์เรื่อง Breaking Bad ของตนเริ่มปรากฏในวิดีโอทั่วโซเชียลโดยไม่ได้รับอนุญาต “ผมรู้สึกกังวลอย่างยิ่ง ไม่ใช่แค่สำหรับตัวผมเอง แต่สำหรับนักแสดงทุกคนที่งานและตัวตนของพวกเขาอาจถูกนำไปใช้ในลักษณะนี้” 

ผู้ให้กำเนิด ‘ทิลลี่ นอร์วู้ด’ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Deadline ถึงสาเหตุในการสร้างนักแสดงจาก AI ว่า “เราช่วยลดงบประมาณการถ่ายทำ เพื่อให้โปรเจ็กต์สามารถเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ด้วยนักแสดงจริง นอกจากนี้ ถ้าใช้ AI ในบางช็อต จะสามารถลดปริมาณคาร์บอนได้ถึง 80–90% และในบางกรณีก็ปลอดภัยกว่าด้วย”

ในปัจจุบัน AI สามารถสร้างการจำลองนักแสดงมนุษย์ที่น่าเชื่อถือได้ และเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าอย่างน่าตกใจ ทำให้นักแสดงอาวุโสหลายคนถูกนำภาพของตัวเองในบทบาทต่าง ๆ ไปใช้ในทางที่ยากเกินควบคุม 

เช่นกรณีของจอร์จ คลูนีย์ (George Clooney) นักแสดงชื่อดังชาวอเมริกันซึ่งกล่าวถึงกรณีนี้ไว้ว่า เป็นเรื่องยากและอันตรายสำหรับทุก ๆ คน แต่ก็ได้ตั้งข้อสังเกตที่น่าสนใจไว้ว่า “การสร้าง ‘ดารา’ หรือ ‘เสน่ห์บางอย่างที่จับต้องไม่ได้’ เป็นสิ่งที่ AI จะไม่สามารถแทนที่ได้ง่าย ๆ เช่นกัน”

Photo Credit: https://unsplash.com/photos/people-in-a-room-with-a-computer-CPXS543H19Y

Post-Production: งานเบื้องหลังจำนวนมากกำลังถูกแทนที่ด้วย AI

ในปี 2024 สมาคมศิลปินคอนเซ็ปต์ (The Concept Art Association) และ สมาคมแอนิเมชัน (The Animation Guild) ได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษา CVL Economics จัดทำรายงานผลสำรวจความกังวลของสมาชิกเกี่ยวกับผลกระทบของ AI ที่มีต่อสายงานของพวกเขา

ผลสำรวจผู้นำในวงการบันเทิงจำนวน 300 คน พบว่า 3 ใน 4 ของผู้ตอบแบบสอบถาม ระบุว่าเครื่องมือ AI สนับสนุนการตัด ลด หรือรวมตำแหน่งงานในบริษัทของตน มากไปกว่านั้น ในช่วง 3 ปีข้างหน้า จะมีตำแหน่งงานเกือบ 204,000 ตำแหน่ง ได้รับผลกระทบ โดยตำแหน่งที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ได้แก่ นักพากย์ Sound Engineer และ Concept Artist (ศิลปินผู้ออกแบบแนวคิดทางภาพ สำหรับงานสร้างภาพยนตร์ เกม แอนิเมชัน หรือซีรีส์ ก่อนที่จะเริ่มการผลิตจริง) 

รายงานยังระบุว่า งานด้านวิชวลเอฟเฟ็กต์ (VFX) เป็นอีกส่วนที่มีความเสี่ยงต่อการถูกแทนที่ด้วยเครื่องมือ AI โดยพบว่า 80% ของผู้ใช้ AI ระยะเริ่มต้น (Early Adopter) ในอุตสาหกรรมนี้ ใช้เทคโนโลยีดังกล่าวในขั้นตอนหลังการถ่ายทำ ตัวอย่างเช่น โปรแกรม TrueSync ที่สามารถปรับการขยับปากของนักแสดงให้เข้ากับเสียงพากย์ในภาษาต่าง ๆ ได้ นำมาซึ่งความต้องการนักพากย์หลายภาษาที่ลดลง

Photo Credit: https://unsplash.com/photos/silhouette-of-three-performers-on-stage-p6rNTdAPbuk

ในความเป็นจริง ข้อถกเถียงที่แวดล้อม AI ยังคงเต็มไปด้วยความคลุมเครือ แต่ประเด็นหนึ่งที่เป็นจุดร่วมซ้อนทับในมิติอื่น ๆ ก็คือเรื่องทางกฎหมายลิขสิทธิ์ ไบรอัน มูเซอร์ (Bryn Mooser) โปรดิวเซอร์สารคดีผู้คร่ำหวอดในฮอลลีวูด ผู้มีส่วนช่วยนำการใช้เทคโนโลยี VR มาใช้ในการรายงานข่าวให้กับสำนักข่าว AP และเทคโนโลยี AR กับนิตยสาร Time กล่าวกับ Vanity Fair ว่า “โดยพื้นฐานแล้ว AI จะไปต่อในฮอลลีวูดไม่ได้เลย จนกว่าจะสามารถแก้ปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์ให้ได้ก่อน ผมบอกเสมอว่า การใช้ AI เป็นเรื่องที่เลือกได้ แต่การเรียนรู้เกี่ยวกับมัน ไม่ใช่เรื่องที่จะหลีกเลี่ยงได้”

บริบทที่ต้องคำนึงในห้วงการปฏิวัติ AI คือ มันเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่โครงสร้างพื้นฐานของอุตสาหกรรมภาพยนตร์กำลังแตกร้าวและพังทลาย สตูดิโอกำลังถูกควบรวม โอกาสลดน้อยลง งานหายากขึ้น และผู้ชมในโรงภาพยนตร์ลดลง ทำให้การนำ AI เข้ามาพัฒนาจึงเป็นก้าวที่สมเหตุสมผล

ท็อดด์ สแปรงค์เลอ (Todd Sprangler) นักเขียนจากนิตยสาร The Variety กล่าวว่า คำถามที่ควรถามต่อก็คือ แทนที่จะต่อต้านอนาคต กลยุทธ์ที่สร้างสรรค์กว่าคือการหาว่า เทคโนโลยี AI ใช้ประโยชน์ได้ตรงไหนมากที่สุด พร้อมทั้งทำงานเพื่อ คุ้มครองลิขสิทธิ์ของผู้สร้างแต่ละคน และ สิทธิ์ในชื่อ, ภาพลักษณ์ และคาแรคเตอร์ของนักแสดง 

ในท้ายที่สุด นอกเหนือจากบทสนทนาที่ว่ามาทั้งหมด ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมที่ AI ก่อให้เกิดผลกระทบก็ยังคงเป็นสิ่งที่ต้องไม่ลืมพิจารณา เมื่อถามไบรอันถึงเรื่องดังกล่าว เขาตอบว่า “ผมก็ไม่มีคำตอบทั้งหมด แต่ถ้าคุณมองโลกในแง่ดี มันก็เหมือนกับว่า นี่คือการเดิมพันครั้งใหญ่ที่สุดของมนุษยชาติ”

ที่มา: บทความ “Hollywood Script Readers Fear They Could be Replaced by AI. They Set Up a Test to See Who Gives Better Feedback” โดย Gene Maddaus
บทความ “‘This Is an Existential Threat’: Will AI Really Eliminate Actors and Ruin Hollywood? Insiders Sound Off” โดย Todd Spangler
บทความ “Bryn Mooser Insists He Has the Answers to Hollywood’s AI Woes. Will Anyone Believe Him?” โดย Rebecca Ford
บทความ “The Hollywood Jobs Most at Risk From AI” โดย Winston Cho
บทความ “Tilly Norwood Creator Eline Van Der Velden Talks Backlash, Reveals Another 40 AI Actors Are In The Pipeline & Explains Why They Will Never Replace Real Actors” โดย Diana Lodderhose, Melanie Goodfellow
บทความ “Filmmaker Guillermo del Toro says 'I'd rather die' than use generative AI” โดย Terry Gross
บทความ “George Clooney Says AI Actors Will Face the ‘Same Problem We Have’ in Hollywood: ‘Making a Star Is Not So Easy’” โดย Marc Malkin

เรื่อง: คณิศร สันติไชยกุล


TAGS: #Creative Economy Update