Research & Report

Met Gala 2025 เวทีเรียกร้องอัตลักษณ์ และเสียงของคนผิวดำที่ดังขึ้นบนเวทีโลก

ในโลกแฟชั่นที่ไม่เคยหยุดนิ่ง Met Gala เปรียบเสมือนเวทีที่หลอมรวมศิลปะ ความหรูหรา และพลังทางวัฒนธรรมเข้าไว้ด้วยกันอย่างกลมกลืน งานในปี 2025 ยิ่งตอกย้ำบทบาทของแฟชั่นในฐานะกระบอกเสียงทางสังคม และเป็นแรงขับเคลื่อนอัตลักษณ์อย่างชัดเจน

Met Gala เริ่มต้นขึ้นในปี 1948 ในฐานะงานระดมทุนเพื่อสนับสนุน Costume Institute แห่งพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งมหานครนิวยอร์ก (The Metropolitan Museum of Art) แต่เมื่อ Anna Wintour เข้ารับหน้าที่ดูแลงานในปี 1995 งานนี้ก็ได้พลิกโฉมกลายเป็นหนึ่งในปรากฏการณ์สำคัญที่สุดของวงการแฟชั่นระดับโลก แขกผู้เข้าร่วมงานล้วนเป็นบุคคลแนวหน้าจากแวดวงต่าง ๆ ที่มีบทบาทในการกำหนดทิศทางวัฒนธรรมร่วมสมัย

ภาพ: www.harpersbazaararabia.com/hbanews/metgala-2025-black-dandyism

สำหรับปี 2025 งาน Met Gala จัดขึ้นในวันที่ 5 พฤษภาคม โดยเป็นการเปิดตัวนิทรรศการ “Superfine: Tailoring Black Style” ที่สำรวจแนวคิด Black Dandyism หรือแฟชั่นสุภาพบุรุษในวัฒนธรรมคนผิวดำ ซึ่งสะท้อนทั้งความสง่างาม ความลุ่มลึก และพลังแห่งการต่อสู้เพื่ออัตลักษณ์ นิทรรศการนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากหนังสือ “Slaves to Fashion” โดย Dr. Monica L. Miller ที่เสนอว่าแฟชั่นคือภาษาของเสรีภาพและการทวงคืนศักดิ์ศรีในยุคหลังอาณานิคม 

ธีมงานในปีนี้คือ “Tailored for You” ที่เชื้อเชิญให้ผู้เข้าร่วมใช้แฟชั่นเป็นสื่อในการแสดงตัวตน โดยเฉพาะในบริบทของแฟชั่นชายที่ผสานอดีต ปัจจุบัน และอัตลักษณ์เข้าด้วยกันอย่างทรงพลัง ผู้ร่วมเป็นเจ้าภาพในปีนี้ ได้แก่ Pharrell Williams, A$AP Rocky, Lewis Hamilton, Colman Domingo และ LeBron James ซึ่งต่างก็เป็นผู้นำด้านสไตล์ที่ทรงอิทธิพล และมีบทบาทสำคัญในการผลักดันวัฒนธรรมคนผิวดำในระดับโลก พวกเขาไม่เพียงสร้างแรงบันดาลใจผ่านแฟชั่น แต่ยังใช้มันเป็นเครื่องมือสร้างโอกาสทางธุรกิจและสังคมให้กับกลุ่มที่เคยถูกมองข้าม

Met Gala ไม่ได้เป็นเพียงงานราตรีที่เปี่ยมด้วยเสน่ห์ แต่ยังเป็นกลไกระดมทุนที่ทรงอิทธิพลที่สุดของโลกแฟชั่น โดยในปี 2025 นี้ งานสามารถระดมทุนได้สูงถึง 31 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งนับเป็นสถิติสูงสุดในประวัติศาสตร์ของงาน ราคาบัตรมีมูลค่าสูงถึง 75,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อคน ซึ่งอาจดูเกินเอื้อมสำหรับคนทั่วไป แต่กลับดึงดูดบริษัทใหญ่ แบรนด์หรู และบุคคลผู้ทรงอิทธิพลให้แย่งชิงที่นั่งอย่างต่อเนื่อง เพราะการได้ปรากฏตัวบนเวทีนี้เท่ากับการได้สื่อสารแบรนด์และตัวตนต่อสายตาโลก กลายเป็นโอกาสทองในการขยายตลาด และสะท้อนความสัมพันธ์แบบ Win-Win ระหว่างวงการศิลปะกับภาคธุรกิจได้อย่างชัดเจน

นอกจากนี้ Met Gala ยังสร้างผลกระทบต่อวงการแฟชั่นโดยตรง โดยเฉพาะการเปิดพื้นที่ให้กับนักออกแบบหน้าใหม่และดีไซเนอร์ผิวดำ ผ่านการปรากฏตัวของคนดังที่สวมใส่ผลงานของพวกเขาบนพรมแดง ไม่ว่าจะเป็นชุดของ Wales Bonner, ผลงานของ Marc Jacobs ที่ร่วมออกแบบกับ Ruth E. Carter หรือชุดไวรัลของ Teyana Taylor ที่ล้วนได้รับความสนใจอย่างล้นหลามในค่ำคืนนั้น นิทรรศการปีนี้ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของ The Met ที่ให้ความสำคัญกับประเด็นเชื้อชาติและอุทิศให้กับดีไซเนอร์ผิวดำโดยเฉพาะ อีกทั้งยังเป็นนิทรรศการเสื้อผ้าบุรุษครั้งแรกในรอบกว่า 20 ปี ยิ่งเน้นย้ำถึงความตั้งใจในการสร้างพื้นที่ให้กับเสียงที่เคยถูกกลบ 

ภาพ: people.com/met-gala-2025-best-dressed-list-11728817

บนพรมแดงของปีนี้ แฟชั่นจึงกลายเป็นภาษาแห่งการเล่าเรื่องที่ทรงพลัง ทุกองค์ประกอบตั้งแต่ Zoot Suit ของ Rihanna หมวกโอเวอร์ไซส์ของ Zendaya ไปจนถึงไม้เท้าร่มของ A$AP Rocky ต่างสะท้อนรากเหง้าจากการแต่งกายของ Black Dandies ในแต่ละยุคสมัย ที่ล้วนใช้แฟชั่นเป็นวิธีการต่อรองอำนาจและสร้างพื้นที่ของตนเอง ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น ค่ำคืนนี้คือการ “ทวงพื้นที่” จากการครอบงำของวัฒนธรรมตะวันตกกระแสหลัก และกลับมาเล่าเรื่องใหม่จากมุมมองของคนที่เคยถูกมองข้าม Met Gala 2025 จึงไม่ใช่แค่ค่ำคืนแห่งเสื้อผ้าหรูหรา แต่มันคือการ ทำให้ประวัติศาสตร์มีชีวิต และส่งเสียงไปถึงอนาคตว่า "แฟชั่นของคนผิวดำ คืออัตลักษณ์สำคัญของโลกนี้เช่นกัน"

ที่มาข้อมูล

www.service95.com/met-gala-2025-cultural-impact
www.nytimes.com/2025/05/05/style/met-gala-2025-fund-raising.html#:~:text=This
www.vogue.co.uk/article/met-gala
www.voguebusiness.com/story/fashion/a-breakdown-of-the-2025-met-gala-co-hosts-fashion-impact